amarsi ใน ภาษาอิตาลี หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า amarsi ใน ภาษาอิตาลี คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ amarsi ใน ภาษาอิตาลี

คำว่า amarsi ใน ภาษาอิตาลี หมายถึง หลับนอน, มีเพศสัมพันธ์, บุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง, ประเวณี, ที่รัก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า amarsi

หลับนอน

(love)

มีเพศสัมพันธ์

(love)

บุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง

(love)

ประเวณี

ที่รัก

(love)

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

Ma la domanda è: i due terranno fede alla promessa fatta nel giorno delle nozze di amarsi l’un l’altro e mostrarsi tenera cura?
แต่ ปัญหา คือ: คน สอง คน จะ ซื่อ สัตย์ ต่อ คํา สัญญา ที่ ตน ได้ ให้ ไว้ ใน วัน แต่งงาน ที่ จะ รัก และ ทะนุถนอม กัน และ กัน ไหม?
Ai santi degli ultimi giorni viene insegnato ad amarsi gli uni gli altri e a perdonare sinceramente le offese.
วิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้รับการสอนให้รักกันและให้อภัยความผิดของผู้อื่นด้วยใจจริง
Troppo spesso la promessa nuziale di amarsi ‘nella buona e nella cattiva sorte finché morte non ci separi’ non è altro che semplice retorica.
คํา สัญญา ใน พิธี สมรส ที่ ว่า จะ รัก กัน และ กัน ‘ไม่ ว่า จะ ยาก ดี มี จน อย่าง ไร ตราบ เท่า เขา ทั้ง สอง มี ชีวิต อยู่ นั้น’ บ่อย เหลือ เกิน เป็น แค่ คํา พูด สละสลวย เท่า นั้น เอง.
(Ebrei 13:4) Anche se affermano di amarsi, la loro relazione col tempo ne soffrirà perché manca del sicuro impegno del matrimonio, che la Bibbia considera fondamentale.
(เฮ็บราย 13:4) ถึง แม้ เขา อ้าง ว่า รัก กัน แต่ ไม่ ช้า ไม่ นาน ความ สัมพันธ์ ที่ เขา มี ต่อ กัน คง จะ ไม่ ราบรื่น เพราะ ขาด ซึ่ง ความ ผูก พัน ที่ เหนียวแน่น แห่ง สาย สมรส ซึ่ง พระ คัมภีร์ ชี้ ให้ เห็น ว่า สําคัญ.
Quello di amarsi è un obbligo,
รัก ของ พระองค์ ช่าง จริง แท้ อบอุ่น
Al contrario, schiavi e proprietari di schiavi erano esortati ad amarsi gli uni gli altri come fratelli spirituali. — Colossesi 4:1; 1 Timoteo 6:2.
แทน ที่ จะ เป็น อย่าง นั้น ทั้ง ทาส และ เจ้าของ ทาส ได้ รับ คํา แนะ นํา ให้ รัก กัน ฐานะ เป็น พี่ น้อง ร่วม ความ เชื่อ.—โกโลซาย 4:1; 1 ติโมเธียว 6:2
Ma insegnerete loro a camminare nelle vie della verità e della sobrietà; insegnerete loro ad amarsi l’un l’altro e a servirsi l’un l’altro”18.
“แต่ท่านจะสอนพวกเขาให้เดินในทางแห่งความจริงและความมีสติ; ท่านจะสอนให้พวกเขารักกัน, และรับใช้กัน”18
Ma chi conosce i testimoni di Geova sa che attribuiscono grande valore alla famiglia e cercano di seguire i comandi biblici secondo cui marito e moglie devono amarsi e rispettarsi a vicenda e i figli devono ubbidire ai genitori, credenti o no. — Efesini 5:21–6:3.
กระนั้น ผู้ ที่ คุ้น เคย กับ พยาน พระ ยะโฮวา ทราบ ว่า พวก เขา ให้ ความ สําคัญ อย่าง ยิ่ง ใน เรื่อง ชีวิต ครอบครัว และ พยายาม ปฏิบัติ ตาม พระ บัญชา ใน คัมภีร์ ไบเบิล ที่ ให้ สามี และ ภรรยา รัก และ นับถือ กัน และ กัน และ ให้ บุตร เชื่อ ฟัง บิดา มารดา ไม่ ว่า ท่าน ทั้ง สอง จะ มี ความ เชื่อ เช่น เดียว กับ เขา หรือ ไม่ ก็ ตาม.—เอเฟโซ 5:21–6:3.
Dunque, perché il buon sesso svanisce così spesso, perfino nelle coppie che continuano ad amarsi come non mai?
ทําไมเซ็กส์ที่ดีจึงมักจางหายไป แม้แต่คู่รักที่ยังคงรักกันมากที่สุด
Fratelli e sorelle devono quindi amarsi gli uni gli altri.
ดัง นั้น พี่ น้อง ชาย หญิง ควร มี ความ รัก ต่อ กัน.
Ricorda agli studenti che, nelle lezioni precedenti, hanno imparato alcune importanti responsabilità familiari, comprese le seguenti: (1) marito e moglie devono amarsi e prendersi cura l’uno dell’altra, (2) i figli dovrebbero essere allevati in amore e rettitudine e (3) i genitori devono provvedere alle necessità della propria famiglia.
เตือนนักศึกษาว่าในบทเรียนที่ผ่านๆ มาพวกเขาได้เรียนเรื่องความรับผิดชอบสําคัญของครอบครัว รวมทั้ง (1) สามีภรรยาควรรักและดูแลกัน (2) บุตรธิดาควรได้รับการเลี้ยงดูในความรักและความชอบธรรม และ (3) บิดามารดาควรจัดหาให้ตามความจําเป็นของครอบครัว
‘Ma’, potrebbe obiettare qualcuno, ‘non ci si può aspettare che tutti ubbidiscano al comando di Dio di amarsi gli uni gli altri’.
แต่ บาง คน อาจ ค้าน ขึ้น ว่า ‘คุณ ไม่ อาจ คาด หมาย ให้ ทุก คน เอา ใจ ใส่ คํา สั่ง สอน ของ พระเจ้า ที่ ให้ รัก กัน และ กัน ได้ หรอก.’
Egli insegnò ai suoi discepoli ad amare Dio e ad amarsi gli uni gli altri, come li aveva amati lui.
พระองค์ ทรง สอน สาวก ของ พระองค์ ให้ รัก พระเจ้า และ รัก กัน เช่น เดียว กับ ที่ พระองค์ ทรง รัก พวก เขา.
La sera prima di morire, Gesù diede ai discepoli “un nuovo comandamento”, quello di amarsi gli uni gli altri.
คืน ก่อน การ สิ้น พระ ชนม์ พระ เยซู ทรง ให้ “บัญญัติ ใหม่” แก่ เหล่า สาวก ของ พระองค์ ให้ พวก เขา รัก ซึ่ง กัน และ กัน.
(Giovanni 15:18-20) Più di una volta, in quell’ultima sera che trascorsero insieme, ricordò loro il bisogno di ‘amarsi gli uni gli altri’. — Giovanni 13:34, 35; 15:12, 13, 17.
(โยฮัน 15:18-20) ใน คืน สุด ท้าย ที่ อยู่ ด้วย กัน พระองค์ ทรง เตือน พวก เขา มาก กว่า หนึ่ง ครั้ง ให้ ระลึก ถึง ความ จําเป็น ที่ จะ “รัก กัน และ กัน.”—โยฮัน 13:34, 35; 15:12, 13, 17.
Marito e moglie dovrebbero amarsi e rispettarsi.
สามี ภรรยา ควร รัก และ นับถือ กัน.
(Luca 22:24-30) Inoltre comanda loro di amarsi gli uni gli altri come li ha amati lui.
(ลูกา 22:24-30) นอก จาก นี้ พระ เยซู ทรง มี บัญชา ให้ พวก เขา รัก กัน และ กัน เหมือน ที่ พระองค์ ได้ ทรง รัก พวก เขา.
Inoltre le coppie che si sforzano sinceramente di applicare i princìpi biblici hanno la speranza di rimanere unite continuando ad amarsi nel nuovo mondo che fra breve Dio porterà.
ยิ่ง กว่า นั้น คู่ สมรส ซึ่ง พยายาม อย่าง จริงจัง ที่ จะ นํา หลักการ ของ คัมภีร์ ไบเบิล มา ใช้ ย่อม มี ความ หวัง ใน การ ผูก พัน ด้วย กัน ใน ความ รัก ใน โลก ใหม่ ที่ พระเจ้า ทรง สร้าง ที่ จะ มา ถึง ใน ไม่ ช้า นี้.
Imparano ad apprezzarsi, ad amarsi.
พวก เขา เรียน รู้ ที่ จะ เห็น คุณค่า ของ กัน และ กัน รัก ซึ่ง กัน และ กัน.
Gesù Cristo indicò in che modo si potevano eliminare i pregiudizi razziali quando comandò ai suoi seguaci di ‘amarsi gli uni gli altri’ come lui aveva amato loro.
พระ เยซู คริสต์ ทรง เผย ให้ เห็น วิธี ที่ อคติ ทาง เชื้อชาติ จะ ถูก กําจัด ให้ หมด ไป เมื่อ พระองค์ มี บัญชา ต่อ เหล่า ผู้ ติด ตาม ให้ “รัก ซึ่ง กัน และ กัน” ดัง เช่น พระองค์ ทรง รัก พวก เขา.
Come avrebbero mai potuto farlo e nello stesso tempo affermare di amarsi gli uni gli altri e amare il prossimo?
พวก เขา จะ ทํา เช่น นั้น และ ขณะ เดียว กัน ก็ อ้าง ว่า รัก กัน และ รัก เพื่อน มนุษย์ ได้ อย่าง ไร?
Inoltre, ubbidiscono al comandamento di Geova Dio di ‘aver fede nel nome del suo Figlio Gesù Cristo e amarsi gli uni gli altri’.
ทั้ง พวก เขา ยัง เชื่อ ฟัง พระ บัญญัติ ของ พระ ยะโฮวา พระเจ้า ด้วย ที่ ‘ให้ เขา ทั้ง หลาย เชื่อ ใน พระ นาม ของ พระ เยซู คริสต์ พระ บุตร ของ พระองค์ และ ให้ รัก ซึ่ง กัน และ กัน.’
I ragazzi impararono ad amarsi e aiutarsi a vicenda, e questo li fece sentire più uniti.
ขณะ ที่ ลูก เรียน รู้ ที่ จะ รัก กัน และ ช่วยเหลือ ซึ่ง กัน และ กัน พวก เขา ผูก พัน ใกล้ ชิด กัน มาก ขึ้น.
Si sforzano veramente di amarsi gli uni gli altri indipendentemente dalla razza . . .
พวก เขา บากบั่น จะ รัก กัน และ กัน โดย ไม่ คํานึง ถึง เชื้อชาติ . . .
17 Oltre a comandare ai suoi seguaci di amarsi gli uni gli altri, quale speciale comando diede loro Cristo?
17 นอก จาก ทรง มี พระ บัญชา แก่ เหล่า สาวก ให้ รัก กัน และ กัน แล้ว มี พระ บัญชา อะไร อีก เป็น พิเศษ ที่ พระ คริสต์ ทรง ประทาน แก่ พวก เขา?

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอิตาลี

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ amarsi ใน ภาษาอิตาลี มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอิตาลี

อัปเดตคำของ ภาษาอิตาลี

คุณรู้จัก ภาษาอิตาลี ไหม

ภาษาอิตาลี (italiano) เป็นภาษาโรมานซ์และมีผู้คนพูดประมาณ 70 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอิตาลี ภาษาอิตาลีใช้อักษรละติน ตัวอักษร J, K, W, X และ Y ไม่มีอยู่ในตัวอักษรอิตาลีมาตรฐาน แต่ยังคงปรากฏอยู่ในคำยืมจากภาษาอิตาลี ภาษาอิตาลีเป็นภาษาที่พูดกันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสองในสหภาพยุโรป โดยมีผู้พูด 67 ล้านคน (15% ของประชากรในสหภาพยุโรป) และพูดเป็นภาษาที่สองโดยพลเมืองสหภาพยุโรป 13.4 ล้านคน (3%) ภาษาอิตาลีเป็นภาษาการทำงานหลักของสันตะสำนัก ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาษากลางในลำดับชั้นของนิกายโรมันคาธอลิก เหตุการณ์สำคัญที่ช่วยเผยแพร่อิตาลีคือการพิชิตและยึดครองอิตาลีของนโปเลียนในต้นศตวรรษที่ 19 ชัยชนะครั้งนี้กระตุ้นการรวมประเทศอิตาลีหลายทศวรรษต่อมาและผลักดันภาษาของภาษาอิตาลี ภาษาอิตาลีกลายเป็นภาษาที่ใช้ไม่เฉพาะในหมู่เลขานุการ ขุนนาง และราชสำนักของอิตาลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชั้นนายทุนด้วย